ไม่อยากให้เงียบ
หลายวันก่อนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาที่บรรดานอนแบงก์
ถูกแจ้งความดำเนินคดี ในข้อหาคิดดอกเบี้ยเกินกฏหมายกำหนด แถมทนายความอิสระยังจะฟ้องธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งใช้กฎหมายอะไรในการบังคับใช้ดอกเบี้ย แล้วก็มีการให้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่นอนแบงก์ออกมาพูดว่า
พวกที่ฟ้องคดีเป็นคนมีปัญหาไม่ยอมจ่ายเงิน หรือเป็นหนี้เสียนั่นเอง
อ่านแล้วฟังข่าวแล้วเห็นว่าพูดถูกทั้ง
2 ฝ่าย เริ่มที่ฝ่ายแรกก็อาจเป็นไปได้ที่มีปัญหาเรื่องการเงิน
ส่งช้าบ้าง ถูกปรับบ้าง โดยเจ้าหนี้มีกฏหมายบังคับใช้อยู่แล้ว
เป็นหนี้ต้องใช้หนี้ศาลเองก็คงไม่สนับสนุนให้ใครเบี้ยวหนี้แน่
ลูกหนี้กู้เขามาต้องใช้หนี้
แต่ประเด็นเรียกเก็บดอกเบี้ย
และค่าธรรมเนียมเกินกฎหมายกำหนด ดูแล้วน่าสนใจกว่า อย่าลืมว่ารัฐบาลพยายามอัดใส่หูประชาชนเรื่องบริโภคนิยม
เพื่อช่วยให้เงินมันหมุน จะได้เพิ่มมูลค่า พยุงการซื้อขายในประเทศไม่ให้เศรษฐกิจมันซึม
ก็ได้ผลประชาชนบางคนใช้จ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย รัฐบาล ก็พอใจ
แบงก์ชาติ ก็พอใจเศรษฐกิจที่เครื่องยนต์มันพังก็เริ่มหมุนไปได้
แต่เรื่องของโลกความจริง มันแตกต่าง เงินที่ใช้เป็นเงินกู้
ไม่ใช่เงินกู สุดท้ายก็ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้ทั้งดอกทั้งต้น
ผมเองค่อนข้างเห็นด้วยที่จะกระตุ้นในคนใช้เงิน
เพื่อให้เศรษฐกิจมันเดินไปได้ แต่อีกทางรัฐบาล กระทรวงการคลัง
แบงก์ชาติ ต้องดูแลคนในชาติด้วยนะครับ อย่าอิงกระแสตลาดเสรีมาก
เงินกู้ที่กู้เขามา ใช้เวลาไม่นาน แต่เวลาผ่อนคืนใช้เวลานาน
_ิหาย เห็นหน้าเจ้าหน้าที่ของนอนแบงก์ ออกมาลอยหน้าลอยตาว่า
เราปล่อยกู้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของแบงก์ชาติ ดอกเบี้ยก็ไม่เกิน
50 เปอร์เซนต์ ฟังแล้วโอ้โห ใช้ปากพูดหรือตูดพูดเหม็นมากส้วมแท้
ๆ
ลูกหนี้ตาดำ
ๆ ที่เป็นชาวบ้านไม่รู้หรอกว่าดอกเบี้ยที่เขาเขียนหลอกเอาไว้คิดกี่เปอร์เซนต์
อ่านแล้ว 1 บ้าง 2 บ้าง 3 บ้างต่อเดือนไม่แพงนักข่าวเองบางคนก็ไม่รู้เขียนส่งเดช
ถูกหลอกเอาเหมือนกัน พิธีกรข่าวบางคนทางทีวีก็ไม่รู้เรื่องถูกหลอกอีกเหมือนกัน
เห็นดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือนก็เหมาว่าร้อยละ 36 ต่อปีไม่แพงคนที่รู้ก็ไม่ออกมาพูดความจริง
โดยเฉพาะนักวิชาการด้านการเงิน ไอ้ดอกเบี้ยประเภทนี้มันใช้บวกเลขแบบธรรมดาได้ที่ไหน
เพราะมันไม่ลดต้นลดดอก
ยกตัวอย่างง่าย
ๆ คุณกู้เงินมา 12,000 บาท ร้อยละ 3 บาทต่อเดือน กำหนดให้ผ่อนส่ง
12 เดือน เดือนละ 1,000 บาทเพื่อตัดต้น และดอกเบี้ยอีก 360
บาท ต่อเดือน 1 เดือนแรกดอกเบี้ยไม่ผิดแน่เพราะเงินต้นยังเป็น
12,000 บาท แต่หลังจากนั้นลูกหนี้ถูกปล้นตั้งแต่เดือนที่ 2
ถึงเดือนที่ 12 ยกตัวอย่างง่ายดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน เดือนสุดท้ายถ้าหากคิดแบบนั้นจริง
ต้องส่งแค่ 1,030 เป็นต้น 1,000 บาท ดอกเบี้ย 30 บาท แล้วทำไมลูกหนี้ต้องโดนคิดดอกเบี้ยที่
360 บาทจากเงินต้น 12,000 บาทเหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่เงินต้นเหลือ
1,000 บาท ผมเองก็เรียกไม่ถูกเหมือนกันแต่เห็นเขาเรียกว่าดอกเบี้ย
แฟชเรท ไม่รู้สะกดถูกหรือไม่
แบงก์ชาติเอง
กระทรวงการคลังเองก็เห็นดีเห็นงานไปด้วย เศรษฐกิจพอเพียงที่องค์เหนือหัวทรงพระราชดำรัส
ถึงพวกเราคนไทยทุกคนขอให้รับใส่เกล้าเอาไว้ โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
ช่วยดูแลประชาชนแทนองค์ในหลวงของพวกเราด้วยครับ ไม่ใช่เอาแต่รับใช้นายทุน
ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบเลยจริง
ๆ ยิ่งเป็นข่าวทุกวันยิ่งดี เพราะถ้าเงียบไอ้ตัวเลือดพวกนี้ก็ออกมาสูบอีก
มองไปทางไหนพวกมันทั้งนั้น..........พับผ่า
สาม
สอเสือ